" HEALTH MENU "
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  |  
 ตะกร้าสินค้า (0)

สาระน่ารู้ 

เคี้ยวมาก ฉลาดมาก

(Root) 2009913_58242.jpg 

         การเคี้ยวมาก จะช่วยให้สมองปราดเปรียวมากขึ้น นักการเมืองชาวอังกฤษท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า "อาหาร 1 คำ ต้องเคี้ยวอย่างน้อย 3-12 ที ไม่ว่าอาหารนั้นจะอ่อนแค่ไหนก็ตาม ถ้าคุณไม่มีความอดทนขั้นนี้ ก็อย่าไปหวังว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้"

 มี อาจารย์ท่านหนึ่ง ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารตั้งแต่เด็ก สร้างความกลัดกลุ้มทรมานแก่เขามาก หลังจากเขาทดลองเคี้ยวอาหารคำละ 100 ทีแล้ว ปรากฏว่า เขาหายจากโรคกระเพาะอาหารในเวลา 1 สัปดาห์

การ เคี้ยวอาหารมิเพียงเกี่ยวกับสุขภาพเท่านั้น ยังเกี่ยวพันกับสมรรถนะของสมองอย่างแนบแน่นด้วย การเคี้ยวอาหารจะกระตุ้นให้ต่อมน้ำลาย (SALIVARY GLAND) และต่อมใต้หู (PAROTID GLAND) หลั่งฮอร์โมนออกมา

ขณะ เดียวกัน อาการเคี้ยวซึ่งทำให้ฟันบนกับฟันล่างกระทบกันก็จะกระตุ้นสมองใหญ่ด้วย การกระตุ้นนี้จะทำให้สมองใหญ่ปราดเปรียวยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มพลังแห่งการวินิจฉัย การขบคิดและสมาธิ

ข้าง ล่างนี้คือผล ที่ได้จากการทดลอง จำนวนทีที่เคี้ยวอาหารสำหรับประกอบการพิจารณา ผู้ที่สนใจจะทดลองดูก็ได้ ผลที่ได้จากการเคี้ยวอาหาร 

การเคี้ยวอาหาร 30 ที ผลที่ได้จากการกินอาหารแต่ละคำ ควรเคี้ยวอย่างน้อยที่สุด 30 ที จะช่วยให้เหงือกแข็งแรง และช่วยรักษาอาการขี้หงุดหงิดจิตใจไม่สงบ

การเคี้ยวอาหาร 50 ที จะช่วยลดการกลัดกลุ้มเจ้าอารมณ์ อย่างน้อยที่สุดช่วยให้ลืมเรื่องไม่น่าอภิรมย์ได้ในเวลากินอาหาร นอกจากนี้ ยังลดความอ้วนได้ เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำที่เกินจำเป็นถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย  

การเคี้ยวอาหาร 100 ที ช่วย ให้หนักแน่นมากขึ้น สามารถวินิจฉัยและจัดการปัญหาต่างๆ อย่างสงบเยือกเย็น กินน้อยแต่ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้มาก นอกจากนี้ยังช่วยลดการอยากอาหารประเภทเนื้อ หรือระคายต่อร่างกายได้ด้วย  

การเคี้ยวอาหาร 200 ที ถ้ายืนหยัดเคี้ยว 200 ที ต่ออาหาร 1 คำได้ทุกมื้อแล้ว จะหายจากโรคกระเพาะเรื้อรัง และโรคกระเพาะอาหารเป็นแผลอย่างรวดเร็;

ขณะเดียวกันก็ช่วยให้คาดการณ์และวินิจฉัยปัญหาต่างๆ ได้แม่นยำมากขึ้น

 

แหล่งข้อมูล : woman.sanook.com



 

ดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ 

(Root) 2009913_58298.jpg     ร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 75% ของน้ำหนักตัว เราอาจจะอดอาหารได้เป็นเดือนๆ แต่ร่างกายไม่สามารถขาดน้ำได้เกินกว่า 3-7 วัน การดื่มน้ำอย่างถูกต้อง จะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติ และมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น ขณะเดียวกัน การขับถ่ายของเสียก็ทำงานได้ดี ที่สำคัญยังช่วยให้ใบหน้าชุ่มชื่น มีเลือดฝาด และไม่ปวดหลังหรือบั้นเอว เพราะสุขภาพไตแข็งแรง  

หลัก การดื่มน้ำเพื่อสุขภาพไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด สามารถทำง่ายๆในชีวิตประจำวัน โดยน้ำที่เหมาะแก่การดื่มคือ น้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนหรือเย็นจัดจนเกินไป ถ้าเป็นน้ำอุ่น ควรดื่มตอนเช้า เพื่อช่วยล้างลำไส้ให้สะอาด และช่วยการขับถ่ายของเสีย  

ใน แต่ละวัน เราควรดื่มน้ำทั้งหมด 10 แก้ว โดยตื่นนอนตอนเช้าดื่ม 1 แก้ว ตอนสายดื่มอีก 2 แก้ว ตอนบ่ายและตอนเย็นดื่มครั้งละ 3 แก้ว และก่อนเข้านอนดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ถ้าเป็นน้ำอุ่นจะช่วยให้หลับสบายขึ้น นอกเหนือจากน้ำเปล่าแล้ว คุณๆสามารถดื่มน้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มอื่นๆได้ไม่จำกัด

ข้อควรจำคือ ไม่ควรดื่มน้ำก่อนและหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ เพราะจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจางลง ส่งผลให้การย่อยไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในแต่ละมื้อไม่ควรรับประทานอาหารให้แน่นจนเกินไป ควรทานแค่อิ่มพอดี แล้วรับประทานผลไม้สดเพื่อล้างคอ ก่อนจะจิบน้ำตามนิดหน่อย รับรองสบายท้อง!! ส่วนการรับประทานอาหารพร้อมกับดื่มน้ำตลอดเวลา เป็นนิสัยที่ควรเลิก ทางที่ดีควรซดน้ำแกงกลั้วคอจะเวิร์กกว่า!!

 

แหล่งข้อมูล: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ




 


อัศจรรย์เคี้ยว “มะนาว” เลิกบุหรี่ใน 2 สัปดาห์

(Root) 2009913_58367.jpg       อัศจรรย์ “มะนาว” ช่วยลดสารนิโคติน เลิกบุหรี่ได้ใน 2 สัปดาห์ แนะ กินมะนาวพร้อมเปลือก เคี้ยวนานๆ 3-5 นาที ทุกครั้งที่อยากบุหรี่ ทำให้สูบรสบุหรี่ไม่อร่อย ขม เฝื่อน จนไม่อยากสูบอีก

ผศ.กรองจิต วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวในการประชุมวิชาการ “บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 7 เรื่อง “เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจ ต้านภัยบุหรี่” โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ว่า จากผลการวิจัยพบว่า ในวิตามินซีจะมีสารที่ช่วยลดความอยากของนิโคตินได้ และช่วยฟื้นฟูร่างกายที่ทรุดโทรมให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า จึงมีการนำใช้เพื่อช่วยเลิกบุหรี่ โดยเทคนิคการรับประทานผลไม้รสเปรี้ยว ที่มีวิตามินซีสูง โดยเฉพาะมะนาว พบว่า เมื่อนำไปใช้แล้วมีประสิทธิภาพได้ผลดีมาก เนื่องจากมะนาวมีผลต่อการทำงานของต่อมรับรสขม ทำให้รสชาติของบุหรี่เปลี่ยนไป

ผศ.กรองจิต กล่าวต่อว่า วิธีการกินมะนาวช่วยเลิกบุหรี่ ต้องหันมะนาวเป็นชิ้นเล็กๆให้มีเปลือกติดมาด้วย ขนาดเท่าหัวแม่โป้ง หรือ พอคำ เมื่อมีความรู้สึกอยากสูบบุหรี่ ให้กินมะนาวแทน โดยอมแล้วค่อยดูดความเปรี้ยว จากนั้นเคี้ยวเปลือกอย่างช้าๆ นาน 3-5 นาที จะมีผลทำให้ลิ้นข่ม เฝื่อน จากนั้นดื่มน้ำ 1 อึก นอกจากช่วยลดความอยากนิโคตินแล้ว เมื่อสูบบุหรี่จะทำให้รสชาดบุหรี่เปลี่ยนขมจนไม่อยากสูบ และสามารถกินมะนาว หรือผลไม้ชนิดอื่นที่มีความเปรี้ยวมากๆ ได้ทุกครั้งที่เกิดความอยากบุหรี่ แต่เมื่อเทียบกัน พบว่ามะนาวจะได้ผลดีที่สุด

“การเลิก บุหรี่ ด้วยการกินมะนาวส่วนใหญ่จะสามารถเลิกบุหรี่ได้ภาย ใน 2 สัปดาห์ และไม่อยากบุหรี่อีก ถือว่าชนะนิโคตินได้ มีการนำไปทดลองกับนักเรียน หลายคนที่ได้ทดลองวิธีนี้ จะรู้สึกว่าสูบบุหรี่แล้วไม่อร่อย รสชาดไม่เหมือนเดิม ทำให้ไม่อยากสูบบุหรี่อีก อย่างไรก็ตาม แม้อาการทางกาย คือ ความอยากจะหมดไปแต่ อาการทางใจบางครั้งจะยังมีอยู่ เช่น เศร้า หงุดหงิดเหมือนคนอกหัก คนรอบข้างต้องให้กำลังใจ และตั้งใจเลิกอย่างเด็ดขาด จะสามารถเลิกได้อย่างแน่นอน”ผศ.กรองจิต กล่าว

ด้าน นางอนงค์ พัวตระกูล อาจารย์โรงเรียนบางมดวิทยา 'สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์' ซึ่งได้รับ รางวัลควบคุมยาสูบแห่งชาติ ประเภท สถานศึกษาปลอดบุหรี่ กล่าวว่า จากการทำค่ายลดละเลิกบุหรี่ โดยนำนักเรียนที่สูบบุหรี่จำนวน 75 คน มาทำกิจกรรมโดยให้ความรู้ถึงพิษภัยของบุหรี่ และให้เด็กใช้เวลาในการเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง ประมาณ 3-7 วัน รวมทั้งใช้วิธีการเคี้ยวมะนาวเพื่อช่วยลดความอยากสูบบุหรี่ พบว่า ร้อยละ 75 จะสูบไปครั้งคราว เมื่อผ่าน 2 สัปดาห์ จะมีเด็กที่เลิกสูบเด็ดขาด ร้อยละ 50 และภายใน 1 ปี มีเด็กเพียง ร้อยละ 30 ที่กลับไปสูบอีก โดยปัจจัยเสริมที่ทำให้เลิกได้พบว่า หากเป็นเด็กที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงก็จะเลิกง่ายกว่าเด็กที่หัวอ่อน ตามเพื่อน

“ภายใน 2 สัปดาห์ พบว่าการติดตามพฤติกรรมร่วมกับ การใช้มะนาวช่วยเลิกบุหรี่ สามารถทำให้เด็กลด และเลิกบุหรี่ได้นอกจากนี้ ต้องมีคนให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำ ซึ่งโรงเรียนต้องใช้ทั้งไม้อ่อน ไม้แข็งในการดูแลเด็ก มีการทำโทษ แจ้งผู้ปกครอง หรือแม้แต่การให้ไปเสียค่าปรับที่โรงพักก็เคยมี เนื่องจากการเลิกบุหรี่ในเด็กกับผู้ใหญ่มีความแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ที่เลิกได้จริง ก็จะเกิดจากความตระหนักรู้เกี่ยวกับพิษภัย และไม่กลับมาสูบบุหรี่อีกตลอดไป”นางอนงค์ กล่าว

แหล่งข้อมูล: bangkok health



 

ข้าวไทยให้ไอคิว  อาหารที่ทั้งโลกอยากขอบคุณ

(Root) 2009913_58423.jpg

    หมอระบุเด็ก ๆ ไทยไอคิว ต่ำลง ไอคิวหรือเรียกให้ยาว ๆ ว่า พัฒนาการทางปัญญา เกิด จากปัจจัยของสภาพแวดล้อมส่วนหนึ่งและอาหารการกิน อาทิ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่น้อยลงจนถึงเรื่องอาหารการกิน เด็กไทยนิยมบริโภคขนมกรุบกรอบ ไม่ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย 

ไอ คิวต่ำมาจากอาหารการกิน เรียกว่าเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ เด็กไทยวันนี้สมองแย่ลง เป็นสัญญาณเตือนว่าศักยภาพในการพัฒนาประเทศในอนาคตจะเสื่อมลง ไอคิวต่ำมาจากอาหารจึงต้องไปแก้ไขที่อาหารการกิน 

สถาบัน วิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลจับมือกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการปรับปรุงพันธุ์ ข้าวแนวอณูวิธีและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์ ได้ปรับปรุงพันธุ์ข้าวจนมีธาตุเหล็กได้สำเร็จแล้ว และกำลังต่อยอดเป็นอาหารการกินในรูปแบบ ใหม่ ที่ไม่จำเจเฉกเช่นข้าวอีกต่อไป

ดร.รัชนี คงคาฉุยฉาย อาจารย์จากสถาบันวิจัยโภชนา การ มหิดล ในฐานะผู้วิจัยเรื่อง  ข้าวไทยปรับปรุงพันธุ์ เพื่อประ โยชน์เชิงสุขภาพ? เล่า ถึงจุดเริ่มต้นของการเกิดโครงการนี้ให้ฟังว่า เนื่องมาจากปัญหาขาดธาตุเหล็กในคนไทย รวมถึงคนทั้งโลกด้วยที่ประสบปัญหาเหล่านี้ ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับปัญหานี้ ประชากรโลก 4 พันล้านคน หรือประมาณ 66 เปอร์เซ็นต์ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง

ร่าง กายเมื่อขาดธาตุเหล็ก  ทำ ให้เป็นโรคโลหิตจาง ภูมิคุ้มกัน ต่ำ โดยเฉพาะในเด็กและหญิงมีครรภ์ ทำให้เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักแรกคลอดต่ำ ในทารกโดยเฉพาะในช่วงอายุ 0-1  ขวบ ถ้าได้รับธาตุเหล็กไม่พอ จะทำให้พัฒนาการทางสมองลดลงและ เกิดผลเสียด้านการเรียนรู้อย่างถาวรส่งผลให้ความสามารถในการเรียนรู้ ด้อยกว่าเด็กปกติ

ขยับ ขึ้นมาเมื่อก้าวสู่วัยเรียน เด็กได้รับธาตุเหล็กน้อย ทำให้สมาธิสั้น จึงเป็นข้อสังเกตว่า ไอคิวต่ำในเด็ก ธาตุเหล็กมีผล ระดับผู้ใหญ่ร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานต่ำ ทำให้เพิ่มอัตราการ ตายจากโรคติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่าย 

  ธาตุเหล็กมาจากอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ธาตุเหล็กที่อยู่ในสัตว์อยู่ในรูปฮีม (heme-iron) ซึ่ง ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุไปใช้ได้ค่อนข้างมากกว่า ในขณะที่ธาตุเหล็ก ที่อยู่ในพืชที่ไม่ใช่ (non-heme-iron) ร่างกายไม่สามารถดูดซึมธาตุ  เหล็กไปใช้ได้เพราะมีพืชที่ขัดขวาง คุณค่าทางโภชนาการ เช่น ไฟเตท แทนนิน

ไม่ ใช่ประเทศไทยอย่างเดียวที่ตื่นตัวเกี่ยวกับสถานการณ์ธาตุเหล็ก แต่นักวิจัยทั่วโลก กำลัง พัฒนาอาหารหลักที่คนในประเทศบริโภคให้มีธาตุเหล็กและวิตามินเอสูง ในอเมริกาก็พยายามทำอยู่โดยใช้วิธีจีเอ็มโอ? ดร.รัชนี เกริ่นนำก่อนที่จะบอกว่า เวลานี้นักวิจัยไทยปรับปรุงข้าวที่เป็นอาหารหลักของคนไทย ให้มีธาตุเหล็กได้แล้ว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพราะคำนึงถึงกลุ่มประชากรในชนบทที่ไม่มีโอกาสได้บริโภคเนื้อสัตว์ เนื่องจากยากจนหากได้กินข้าวที่มีธาตุเหล็กจะทำให้ร่างกายได้คุณค่าทางอาหาร

  หลังจากเลือกสรรพันธุ์ข้าวกว่า 200 สายพันธุ์ จนพบว่าเมื่อนำข้าว พันธุ์หอมมะลิ 105 ผสม พันธุ์กับข้าวจ้าวหอมนิล โดยวิธีธรรมชาติ ปรากฏว่า ลูกที่ออกมาได้ข้าวที่มีคุณค่าอาหารสูงกว่าข้าว ทั่วไป เป็นสิ่งที่ยังไม่มีประเทศไหนทำสำเร็จ แต่คนไทยทำได้

ข้าว ปรับปรุงพันธุ์ใหม่นี้ ในหนึ่งต้นมีเมล็ดสีขาวและสีดำ อยู่ในรวงข้าวเดียวกันโดยข้าวถ่ายทอดจุดเด่นของพ่อแม่ของข้าวแต่ละตัว ปรับปรุงพันธุ์จนให้ความนุ่มความหอมเหมือนกับข้าวสวยทั่วไป ในตัวข้าวยังมีประ สิทธิภาพในการ ต่อต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินเอสูง มีธาตุเหล็กตามวัตถุประสงค์ และยังพบคุณค่าวิเศษ ข้าวปรับปรุงพันธุ์ยังมีโมเมก้า ทรี น้ำมันในข้าวที่มีวิตามิน อีสูงด้วย 

  คนไทยเฉลี่ยปีละ 120 กิโลกรัมต่อคน มีสารอาหารที่รู้กันดีว่า มีแต่คาร์โบไฮเดรต ยกเว้นข้าว ซ้อมมือที่มีวิตามิน แต่คนส่วนใหญ่ ของประเทศบริโภคข้าวขาว

เรา พบธาตุเหล็กในเมล็ด ข้าวสีดำ 5 มิลลิกรัม ซึ่งทั่วไปจะไม่เจอในข้าวที่ไม่ใช่จีเอ็มโอ เมล็ดสีดำยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าข้าวขาว ยังพบอีกว่าข้าวดำยังทำให้ ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ปกติถ้ากินข้าวขัดหรือข้าว กล้องอินซูลินจะสวิง ทดลองให้ผู้ป่วยเบาหวานกินข้าวชนิดนี้ แต่อาจจะต้องปรับปรุงพันธุ์เพิ่มเพื่อผู้ป่วยเบาหวาน

นัก วิจัยพยายามบอกว่าข้าวปรับปรุงพันธุ์ยังใช้ได้กับผู้ป่วยเบาหวาน ความสำเร็จระยะแรกของ การปรับปรุงพันธุ์ที่ต้นกล้าเหล่านี้อยู่ในนาทดลอง และกำลังต่อยอดผลผลิตเมล็ดข้าวออกไปอีกว่า ข้าวยังแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นได้  

ดร.รัชนี เล่าว่าผลิตภัณฑ์ที่ทดลองทำแล้ว ได้แก่ หมั่นโถว ที่ทำจากเมล็ดข้าวสีดำ 1 ลูก มี น้ำหนัก 40 กรัม แม้จะผ่านความร้อน ผ่านกระบวนการต่าง ๆ นานา พบว่ายังคงสารต้านอนุมูลอิสระ วิตา มินอีอยู่ในหมั่นโถว 400 กรัม นอกจากนี้ยังทดลองทำขนมขาไก่ ขนมเค้ก ร่างกายสามารถนำธาตุเหล็กไปใช้ได้ 5-6 เปอร์เซ็นต์  

  ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวในวันนี้ จึงเป็นข้อสรุปได้ว่าขนมกรุบกรอบที่เด็ก ๆ ชอบ อนาคตจะมีธาตุเหล็กที่สร้างไอคิวเด็กไทย ที่สำคัญธาตุเหล็กได้มาจากธรรม ชาติ มิได้สกัดมาแล้ว ใส่เป็น  สารปรุงแต่งเหมือนกับผลิตภัณฑ์แปรรูปในท้องตลาดที่โฆษณา   ว่าใส่สารไอโอดีน วิตามินอีเป็นต้น เท่ากับว่ากินมากก็จะไม่เกิดผลร้ายต่อร่างกาย

  ประเด็น ของการพบธาตุเหล็กในข้าวต้องวิเคราะห์เพิ่มเติม ว่าเมื่อกินข้าว กับกับข้าวทั่วไปแล้วร่างกายจะดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ได้แค่ไหน งานวิจัยนี้ใช้กลุ่มตัว อย่างนักศึกษา ม.มหิดล กินข้าวกับแกงส้มผัก ที่ไม่ใส่เนื้อสัตว์ลงไป แล้วเจาะเลือดหาธาตุเหล็ก

 ภาย ในสิ้นปีนี้ผลการศึกษา จะสรุปได้ว่าร่างกายนำธาตุเหล็กไปใช้ได้กี่เปอร์เซ็นต์ หลังพบในเบื้องต้นว่าวิตามินซีมีส่วนช่วยให้ร่างกาย ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีเยี่ยม แกงส้มมีวิตามินซี จะช่วยเสริมประสิทธิ ภาพของการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย

 ขั้น ตอนต่อไปคือการทดลองเรื่องของผลผลิตข้าวต่อไร่ เรื่องสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของธาตุเหล็กในข้าว เช่นพัฒนาพื้นที่ปลูก พบว่าดินที่มีธาตุเหล็กสูงจะทำให้ข้าวที่เติบใหญ่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กเช่น กัน และดินมีธาตุเหล็กสูงอยู่ที่ภาคใต้มาก กว่าภาคอื่น ๆ

 ก้าว แรกของข้าวปรับปรุงพันธุ์ข้าว สร้างมูลค่าเพิ่มข้าวสินค้าส่งออกอันคลาสสิก ข้าวบำรุงสุขภาพจะเป็นตัวกระตุ้นให้คนทั่วโลกหันมาบริโภคข้าวไทย แน่นอนข้าวไทยจะมีส่วนทำให้ประชากรโลกมีสุขภาพดีถ้วนหน้า

  

 แหล่งข้อมูล: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (ออนไลน์)

 

 



ค้นหาเว็บไซต์:
Google



Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 14,098 Today: 7 PageView/Month: 48

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...